ปวดหลัง อาการกวนใจจากการยกของผิดวิธี!

อาการปวดหลัง หรือ Back Pain เป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่รบกวนการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันของเราหลายคน ไม่ว่าจะยืน นอน เดิน หรือนั่ง แม้กระทั่งตอนอยู่เฉยๆ อาการปวดหลังสามารถเกิดได้กับคนในทุกเพศหลากหลายวัย ไม่เพียงแค่คนวัยชราเท่านั้น แต่กับพบมากขึ้นในคนวัยทำงาน โดยอาการปวดสามารถเกิดได้ทั้ง หลังส่วนบน บริเวณต้นคอ บ่าไหล่ หลังส่วนกลาง บริเวณกล้ามเนื้อลำตัว หน้าท้อง และหลังส่วนล่าง บริเวณใต้สะดือลงไปถึงก้นกบ หรือในบางกรณีจะมีอาการปวดร้าวบริเวณหลังขาบนร่วมด้วย ซึ่งอาการปวดหลังแต่ละจุด เกิดมาจากสาเหตุที่แตกต่างกัน

สาเหตุของอาการปวดหลัง

อาการปวดหลัง ไม่ว่าจะปวดแบบเฉียบพลัน หรือปวดเรื้อรัง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ในที่นี้จะขอแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุหลักๆ

อาการปวดหลังที่เกิดจากโรค

ยกตัวอย่างเช่น โรคเนื้องอกบางชนิด โรคกระดูกพรุนจากการขาดแคลเซียมสำหรับคนที่มีอายุมากขึ้น

อาการปวดหลังที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา

ไม่ว่าจะเป็นการนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานานๆติดต่อกัน การบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย น้ำหนักตัวที่มากเกินไป และอีกสาเหตุที่ทุกคนชอบมองข้ามคือ การยกของหนักๆ และการยกของในท่าที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังได้ ซึ่งคนจากหลากหลายอาชีพ มีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้เนื่องจากการทำงาน เช่น อาชีพพนักงานขนส่งที่ต้องยกกล่องลัง พนักงานโรงงาน  หรืออาชีพอื่นๆที่ต้องยกหรือถือของหนักๆเป็นเวลานาน

ยกของหนักและผิดวิธีทำให้ปวดหลังได้อย่างไร?

การยกของหนักและผิดวิธีส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังโดยเฉพาะบริเวณหลังส่วนล่าง คนส่วนใหญ่เมื่อต้องยกของหรือก้มเก็บของ จะใช้วิธีการก้มหรือโน้มตัวลงและยกวัตถุขึ้นมา ซึ่งเป็นวิธีที่ผิดและส่งผลเสียต่อกระดูกสันหลังโดยตรง ยิ่งเป็นการยกของที่มีน้ำหนักมากๆและมีการเคลื่อนไหวร่วมด้วย แรงกดจากน้ำหนักของวัตถุจะยิ่งส่งผลต่อหมอนรองกระดูกสันหลังอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้กล้ามเนื้อหลังและเส้นเอ็นทำงานหนักกว่าปกติ จนก่อให้เกิดภาวะตึงเครียดบริเวณดังกล่าว อาการปวดหลังสามารถลามไปถึงบริเวณก้นกบ และในบางรายมีอาการปวดบริเวณหลังขาช่วงบนอีกด้วย

ขั้นตอนการยกของที่ถูกวิธี เลี่ยงอาการปวดหลังได้

การก้มเก็บของหรือยกของหนักให้ถูกวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงอาการปวดหลังทำได้ดังนี้

• ให้เดินเข้าไปชิดกับวัตถุที่อยู่ในแนวระนาบกับพื้น ค่อยๆย่อเข่าลงโดยแผ่นหลังเป็นเส้นตรง เพื่อให้กระดูกสันหลังอยู่ในลักษณะตามธรรมชาติ และลดแรงกดที่หมอนรองกระดูกสันหลัง

• จับวัตถุให้แน่นและมั่นคงก่อนยก พยายามทิ้งน้ำหนักไปที่ขาทั้งสองข้าง เพื่อลดการใช้แรงจากกล้ามเนื้อหลังและเส้นเอ็น และเป็นการสร้างสมดุลให้ร่างกาย

• ตั้งศีรษะให้อยู่ในแนวเดียวกับแผ่นหลัง เป็นการจัดสรีระที่ถูกต้อง แถมยังช่วยให้มองเห็นทางข้างหน้าอีกด้วย แขนสองข้างไม่กางออกหรือเกร็ง แนบวัตถุให้ชิดลำตัว ใช้แรงจากขาค่อยๆดันตัวขึ้นแทนการใช้แรงจากหลัง

นอกจากการยกของให้ถูกวิธีแล้ว เราควรประเมินน้ำหนักของวัตถุเพื่อให้อยู่ในเกณฑ์ที่เราสามารถยกไหว รวมถึงไม่ควรยกของหนักที่อยู่ในระดับสูงหรือเหนือศีรษะ เพราะจะยิ่งเพิ่มแรงกดและเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลังอีกด้วย

วิธีการรักษาอาการปวดหลัง

การรักษาอาการปวดหลังมีด้วยกันหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการปวด เบื้องต้นเราสามารถแก้อาการปวดหลังด้วยตัวเองได้ โดยการใช้ยาทาบริเวณที่ปวดหรือกินยาแก้ปวด (ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร) อย่างไรก็ตามไม่ควรรักษาด้วยวิธีดังกล่าวนานหลายสัปดาห์เพราะตัวยาจะมีผลต่อไตและอาจระคายเคืองกระเพราะอาหารได้ หากอาการไม่ทุเลาลง แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรักษาในขั้นต่อไป การรักษาอาการปวดหลังจากแพทย์ก็จะเป็นไปตามอาการของผู้ป่วย นอกจากยากินและยาทา อาจจะเป็นการทำกายภาพบำบัด หรือในกรณีร้ายแรงอาจมีการผ่าตัด

วิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดอาการปวดหลัง

หากเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการยกของหนักได้ เนื่องจากเป็นงานที่ต้องมีการยก ผลัก ดันและขนย้ายวัตถุหนักๆเป็นประจำ ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอาการปวดหลัง คือ

• การเตรียมร่างกายตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ ด้วยการออกกำลังกาย เพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและหลัง ทั้งนี้ยังเป็นการควบคุมไม่ให้น้ำหนักเกินอีกด้วย

• รวมถึงการทานอาหารที่ให้แคลเซียมเพื่อเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง

• ยกของให้ถูกวิธี จัดสรีระให้อยู่ในท่าที่ถูกต้องทุกครั้ง

• อีกหนึ่งตัวช่วยคือการเลือกใช้ “เข็มขัดพยุงหลัง” ที่เป็นเหมือนตัวช่วยลดการเคลื่อนของกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูกสันหลังได้ ในกรณีที่มีการยกของหนัก และบิดเคลื่อนตัว

สำหรับหลายๆคนคงจะยากที่จะหลีกเลี่ยงการยกของหนักใช่ไหมล่ะคะ เพราะไม่ว่า Life Style หรือ อาชีพที่ทำ จำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายของหนักอยู่เป็นประจำ แต่การลดความเสี่ยงการเกิดอาการปวดหลังไม่ได้เป็นเรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแค่เราทำความเข้าใจสาเหตุของการเกิดโรค และปรับตัวเพื่อให้ร่างกายตัวเองเหมาะสมกับกิจกรรมหนักๆเหล่านี้ รวมถึงรู้วิธีป้องกันและมี เข็มขัดพยุงหลัง เป็นตัวช่วย แค่นี้อาการปวดหลังก็ไม่เป็นปัญหากับเราแล้วล่ะค่ะ